ข้าพระองค์(ฉัน)ควรจะนมัสการอย่างไร
การนมัสการที่แท้จริงได้ถูกเปิดเผยแล้วในพระวจนะของพระเจ้า
การนมัสการที่แท้จริงได้ถูกเปิดเผยแล้วในพระวจนะของพระเจ้า
พันธกิจในชีวิตของคุณ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อแสดงให้เห็นว่า การนมัสการพระเจ้าของคริสเตียนจะไม่ สมบูรณ์จนกว่าสาเร็จด้วยการกระทา หรือเรียกว่า
“พันธกิจ”
2.เพื่อชี้แนะให้เห็นว่า คริสตจักรละเลยต่อการตอบสนองต่อพระมหาบัญชา
3.เพื่อท้าทายและให้ข้อมูลแก่คริสตจักร ถึงโอกาสรับใช้ในงานพันธกิจของประเทศไทย ขยายออกไปในภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนทั่วโลก
ความหมาย: Webster's New Lexicon Dictionary ได้ให้ความหมายสำหรับคำว่า "มิ
ชชั่น" แต่เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของเรา
พันธกิจ หมายถึง "เป้าหมายในชีวิต ซึ่งมาจาก ความเชื่อแน่ใจในการทรงเรียกของพระเจ้า"
ความสาเร็จในชีวิตของคุณ
ทุกคนกาลังแสวงหาความสาเร็จในชีวิต ซึ่งความปราถนาเพื่อจะมีความสาเร็จนี้เป็นแรงกระตุ้นสาคัญไม่ว่าในการกระทาใดๆของมนุษย์และไม่สามารถที่จะแยกความปรารถนาความสำเร็จออกจากความสุขที่แท้จริงได้ แม้กระทั่งไม่สามารถแยกความสำเร็จออกจากการนมัสการ (ในสิ่งหรือใครที่เรานมัสการ) เพราะว่าเราจะประเมินทุกสิ่งที่เราพบเจอว่าสิ่งนั้นจะมีประโยชน์ต่อความสำเร็จของเราและความพึงพอใจในสิ่งที่เราแสวงหาหรือไม่
การที่คนเรามีความเข้าใจและแสดงการนมัสการของเขา (ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้หรือพระอื่นๆ ที่สร้างขึ้นมา) เป็นปัจจัยที่มีส่วนในทุกสิ่งที่เขาคิดหรือทำ ในชีวิตผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ การนมัสการพระเจ้าเป็นการบรรลุเป้าหมายชีวิตพวกเขา และการทำพันธกิจนั้นเป็นการบรรลุเป้าหมายของการนมัสการ
อิสยาห์ 6:1-8
หนึ่งเรื่องราวในพระคัมภีร์เดิม มีภาพที่สมบูรณ์ของการนมัสการ ซึ่งให้หลักการ 3 อย่างแก่เราที่จะติดตามพระเจ้าในฐานะที่เรานมัสการพระองค์
- การสำแดงของพระเจ้า ข้อ 1-4
- การประจักษ์ของมนุษย์ ข้อ 5-7
- การตอบสนองของมนุษย์ ข้อ 8
นมัสการ และพันธกิจ อิสยาห์ 6:1-8
- สำแดงข้อ 1-4 (การสังเกต)
- ประจักษ์ ข้อ 5-7 (การตีความ)
- สนอง ข้อ 8 (การนำไปใช้)
การนมัสการพระเจ้าเป็นการบรรลุเป้าหมายชีวิตและการทำพันธกิจนั้นเป็นการบรรลุเป้าหมายของการนมัสการ
อิสยาห์เห็นอะไร?
อิสยาห์ได้เห็นพระสิริและความสง่างาม ความบริสุทธิ์ของพระผู้สร้างพระผู้ช่วยให้รอด องค์พระผู้เป็นเจ้าของจักรวาล ในการนมัสการ เหล่าทูตสวรรค์ต่างยกย่องความบริสุทธิ์ของพระเจ้าและประกาศว่าพื้นแผ่นดินโลกจะเต็มด้วยพระสิริของพระเจ้า
เมื่ออิสยาห์ได้เห็นพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของความบริสุทธิ์ และทรงอำนาจ เขาได้ตระหนักถึงความบาปหนักหนาในชีวิตของเขาและความไม่มีคุณค่าทั้งไม่เห็นความหวังในสภาพที่เขาเป็นอยู่เลย แต่พระเจ้าทรงมีพระเมตตาเหนือเขาและทรงชำระเขาจากความบาปและความชั่วช้า และนั้นเป็นการที่พระเจ้าทรงชี้ให้เห็นถึงความอัศจรรย์และอำนาจแห่งพระคุณของพระองค์ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาได้รับอภัยโทษแล้ว ผลที่เกิดขึ้นเขาถวายทั้งชีวิตของเขาให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
อิสยาห์ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าที่ถามว่า ใครจะไปแทนพระองค์ในการเป็นผู้ประกาศเรื่องราวของพระองค์ อิสยาห์ไม่ลังเลใจ เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะตอบสนองต่อพระเจ้าในการรับใช้พระองค์ในครั้งนี้ ผลที่เกิดขึ้นในการนมัสการส่วนตัวของเขานั้นคือความปรารถนาที่จะให้พระเจ้าทรงใช้ตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าเหมาะสม นี้คือตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่พวกเราควรจะปฏิบัติตาม เมื่อเรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง (ยอห์น 4:24) ผลที่เกิดขึ้นคือ
เมื่ออิสยาห์ได้เห็นพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของความบริสุทธิ์ และทรงอำนาจ เขาได้ตระหนักถึงความบาปหนักหนาในชีวิตของเขาและความไม่มีคุณค่าทั้งไม่เห็นความหวังในสภาพที่เขาเป็นอยู่เลย แต่พระเจ้าทรงมีพระเมตตาเหนือเขาและทรงชำระเขาจากความบาปและความชั่วช้า และนั้นเป็นการที่พระเจ้าทรงชี้ให้เห็นถึงความอัศจรรย์และอำนาจแห่งพระคุณของพระองค์ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาได้รับอภัยโทษแล้ว ผลที่เกิดขึ้นเขาถวายทั้งชีวิตของเขาให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
อิสยาห์ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าที่ถามว่า ใครจะไปแทนพระองค์ในการเป็นผู้ประกาศเรื่องราวของพระองค์ อิสยาห์ไม่ลังเลใจ เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะตอบสนองต่อพระเจ้าในการรับใช้พระองค์ในครั้งนี้ ผลที่เกิดขึ้นในการนมัสการส่วนตัวของเขานั้นคือความปรารถนาที่จะให้พระเจ้าทรงใช้ตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าเหมาะสม นี้คือตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่พวกเราควรจะปฏิบัติตาม เมื่อเรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง (ยอห์น 4:24) ผลที่เกิดขึ้นคือ
- เราตระหนักถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้า และความบาปหนักนาของเรา
- เราแสวงหาการยกโทษจากพระเจ้าและการที่พระเจ้าจะชำระความบาปผิดของเรา และ
- เราถามพระเจ้าว่า เราสามารถมีส่วนในการบรรลุเป้าหมายของพระมหาบัญชาได้อย่างไร
ความบริสุทธิ์ของพระเจ้า - ความบาปหนักหนาของเรา
บ่อยครั้งที่เราตระหนักถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าและความบาปหนักหนาของเราแต่เรากลับหยุดที่จะมอบถวายชีวิตของะราในการที่จะเชื่อฟังพระองค์ ถ้าปราศจากขั้นตอนสุดท้ายในการนมัสการ ก็หมายความว่า เราเปิดเผยท่าทีที่แท้จริงของเราต่อพระคุณและพระเมตตาของพระเจ้า โดยการที่เราละเลยที่จะตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระองค์ในการเชื่อฟัง ซึ่งผลที่เกิดขึ้น คือ เราไม่ได้บรรลุเป้าหมายในพันธกิจในชีวิตของเรา
พันธกิจนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการนมัสการเสมอ แม้ว่าพันธกิจหมายถึงการไปเยี่ยมเยียนคนป่วย การดูแลหญิงหม้าย การแบ่งปันข่าวประเสริฐ และถ้าปราศจากพันธกิจ การนมัสการของเราก็ไม่สมบูรณ์ พระสิริของพระเจ้า อำนาจของพระเจ้ารวมทั้งความบริสุทธิ์ของพระองค์ จะไม่สามารถสำแดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน ถูกต้องและจริงใจ แต่ถ้าถูกสำแดงอย่างชัดเจนนั้นการตอบสนองของเราก็เหมือนกับการตอบสนองของอิสยาห์และเราเองจะปรารถนาที่จะรับใช้พระองค์ในทุกสิ่งที่เรามีอย่างทันทีทันใด
การสำนึกถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราสมควรจะได้รับ กับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเราโดยพระเมตตาและพระคุณของพระองค์ จะเป็นสิ่งที่กระตุ้นเราที่จะนมัสการพระเจ้าไม่ใช่แค่เพียงความคิดและคำพูดของเราแต่คือการตอบสนองด้วยใจเห็นว่าเหมาะสม ซึ่งการนมัสการของเราจะเสร็จสมบูรณ์โดยการเชื่อฟังต่อพระมหาบัญชาของพระองค์ เราเห็นว่า
- •การนมัสการบรรลุเป้าหมายของชีวิตคริสเตียน
- •พันธกิจบรรลุเป้าหมายในการนมัสการ และ การได้รับมงกุฎบรรลุเป้าหมายแห่งชีวิต
การนมัสการจะไม่สมบูรณ์ถ้าปราศจากการเชื่อฟังในการทำพันธกิจ
พระเจ้าทรงพอพระทัยการนมัสการที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่
เป็นคำถามที่สำคัญ คริสเตียนที่จริงจังต้องตอบคำถามนี้ได้
พระเจ้าทรงพอพระทัยการนมัสการที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่
เป็นคำถามที่สำคัญ คริสเตียนที่จริงจังต้องตอบคำถามนี้ได้
ฉันสามารถนมัสการพระเจ้าได้อย่างไร
แต่คุณอาจะพูดว่า แล้วฉันจะนมัสการพระเจ้าในทางไหนที่พระองค์จะสำแดงความบริสุทธิ์ พระสิริของพระองค์แก่ฉันและพระองค์จะทรงทำให้ฉันเห็นสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ความบาปในชีวิตของฉันที่ต้องสารภาพต่อพระองค์ และที่สุดนั้นอะไรคือสิ่งที่พระองค์จะให้ฉันทำ
ในพระคัมภีร์ใหม่ เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่า “แต่เราทั้งหลายไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว จึงแลดูพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า และตัวเราก็เปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระฉายขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เช่นอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระวิญญาณ” (2โครินธ์ 3:18) เมื่อเราเห็นพระสิริของพระเจ้าในองค์พระเยซูคริสต์ผ่านทางการอ่านและใคร่ครวญพระคำของพระองค์ เราได้รับการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับอิสยาห์และเราสามารถที่จะติดตามคำสั่งของพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์ไม่ว่าจะให้เราทำอะไรโดยการเคลื่อนไหวขององค์พระวิญญาณบริสุทธิ์
พระคัมภีร์ 5 ตอนที่สำคัญ
มีพระคัมภีร์ 5 ตอนที่มีจุดสำคัญอยู่ที่พระมหาบัญชา พระมหาบัญชานั้นอยู่ในพระกิตติคุณในมุมมองที่ต่างกันไปในแต่ละเล่มคำสัญญาที่สามารถทำให้พระมหาบัญชาสำเร็จได้เปิดเผยชัดเจนในพระธรรมกิจการของอัครทูต
พระมหาบัญชา
ข้อพระธรรม จุดเน้น ส่วนที่ต้องเกี่ยวข้อง
มัทธิว 28:18-20 สร้างสาวก ฝึกและสอน
มาระโก 16:15-16 เทศนาและบัพติสมา ทุกคน
ลูกา 24:44-48 ประกาศกับชนทุกเผ่า กลุ่มชนเผ่าต่างๆ
ยอห์น 20:21-22 ถูกส่งเหมือนพระเยซู แบบอย่าง
กิจการ 1:8 เป็นพยาน ฤทธิ์เดชของพระเจ้า
มัทธิว 28:18-20 สร้างสาวก ฝึกและสอน
มาระโก 16:15-16 เทศนาและบัพติสมา ทุกคน
ลูกา 24:44-48 ประกาศกับชนทุกเผ่า กลุ่มชนเผ่าต่างๆ
ยอห์น 20:21-22 ถูกส่งเหมือนพระเยซู แบบอย่าง
กิจการ 1:8 เป็นพยาน ฤทธิ์เดชของพระเจ้า
พระมหาบัญชา
ขอให้เราดูรายละเอียดในพระมหาบัญชาในพระธรรม ลูกา 24:44-49 พระเยซูทรงอธิบายว่า“…จำเป็นต้องสำเร็จ” (พระคัมภีร์เดิมเป็นพระธรรมที่ยังคงมีอยู่ในช่วงเวลานั้น) การอธิบายของพระองค์ได้รวมพระคัมภีร์ 3 ตอนของพระคัมภีร์เดิมภาษาฮีบรูไว้คือ หมวดธรรมบัญญัติของโมเสส หมวดผู้เผยพระวจนะ และหมวดข้อเขียน (สดุดี) พระเยซูทรงเปิดเผยให้สาวกได้เข้าใจเพื่อที่พวกเขาจะได้เปรียบเทียบพระธรรมตอนนั้นที่กล่าวถึงแผนการของพระเจ้าที่มีมาถึงองค์พระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ได้สำแดงให้เห็นถึงแผนการ 2 ขั้นตอน
ขั้นตอนแรกคือการเสด็จมาบนโลกนี้ขององค์พระเยซูคริสต์เพื่อมารับความเจ็บปวดและตายบนไม้กางเขนและเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สมาเพื่อประทานการไถ่บาปและชีวิตนิรันดร์ให้กับทุกคนที่ได้เชื่อวางใจในความดี พระคุณ พระเมตตาและการอภัยโทษของพระเจ้า ขั้นตอนนี้เราจะเห็นว่าได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ขั้นตอนที่สองยังไม่สำเร็จและยังคงมีอยู่ในปัจจุบันนี้ คือที่พระกิตติคุณจะถูกประกาศออกไปในทุกชนเผ่า ทุกภาษา และทุกเชื้อชาติ ขั้นตอนแรกได้นำพระเยซูคริสต์ไปถึงกางเขนที่พระองค์ทรงตายเพื่อไถ่บาปเรา ขั้นตอนที่สองยังคงดำเนินอยู่และยังมีส่วนให้ผู้เชื่อมากมายที่จะตอบสนองต่อพระมหาบัญชาและมีคนมากมายที่จะสนับสนุนในการออกไปของพวกเขาเหล่านั้น เราเองด้วยที่พระเยซูทรงสั่งว่าให้เราแบกกางเกนในทุกวัน ซึ่งนั้นคือน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของเรา และตามพระองค์ไปนั้นคือการติดตามน้ำพระทัยของพระเจ้า (มัทธิว 28:18-20, มาระโก 8:34-35,16:15-16,ลูกา 24:27)
ขั้นตอนแรกคือการเสด็จมาบนโลกนี้ขององค์พระเยซูคริสต์เพื่อมารับความเจ็บปวดและตายบนไม้กางเขนและเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สมาเพื่อประทานการไถ่บาปและชีวิตนิรันดร์ให้กับทุกคนที่ได้เชื่อวางใจในความดี พระคุณ พระเมตตาและการอภัยโทษของพระเจ้า ขั้นตอนนี้เราจะเห็นว่าได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ขั้นตอนที่สองยังไม่สำเร็จและยังคงมีอยู่ในปัจจุบันนี้ คือที่พระกิตติคุณจะถูกประกาศออกไปในทุกชนเผ่า ทุกภาษา และทุกเชื้อชาติ ขั้นตอนแรกได้นำพระเยซูคริสต์ไปถึงกางเขนที่พระองค์ทรงตายเพื่อไถ่บาปเรา ขั้นตอนที่สองยังคงดำเนินอยู่และยังมีส่วนให้ผู้เชื่อมากมายที่จะตอบสนองต่อพระมหาบัญชาและมีคนมากมายที่จะสนับสนุนในการออกไปของพวกเขาเหล่านั้น เราเองด้วยที่พระเยซูทรงสั่งว่าให้เราแบกกางเกนในทุกวัน ซึ่งนั้นคือน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของเรา และตามพระองค์ไปนั้นคือการติดตามน้ำพระทัยของพระเจ้า (มัทธิว 28:18-20, มาระโก 8:34-35,16:15-16,ลูกา 24:27)
แผนการของพระเจ้า ลูกา 24:44-49
พระเยซูตรัสว่า...
“บรรดาคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส และในหมวดผู้เผยพระวจนะและในหมวดสดุดีกล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ”
ครั้งนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้ใจเขาทั้งหลายเกิดความสว่างขึ้นเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์
“มีคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์ทรมาน และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม ลูกา 24:46 | และ | “และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์ ให้เขากลับใจใหม่รับการยกบาป ตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม ลูกา 24:47 |
การกลับใจใหม่ และ การอภัยโทษ
ในลูกา 24:46-48พระเยซูตรัสว่า “มีคำเขียนไว้อย่างนั้นว่าพระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์ทรมานและทั่วทุก
ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม และจะต้องประกาศประชาชาติในพระนามของพระองค์ให้เขากลับใจใหม่รับการยกบาปตั้งต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยาน
ด้วยข้อความเหล่านั้น” พยานที่สัตย์ซื่ออะไรที่เรามี และเราเป็นพยานอะไรในปัจจุบันนี้ ในประวัติศาสตร์มีหลายคนและองค์กรมากมายที่ได้เชื่อฟังต่อพระมหาบัญชา เขาเหล่านั้นยังคงพยายามในการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าด้วยการเอาใจใส่ แต่ก็มีหลายคนและหลายกลุ่มที่ได้ละเลย ผลที่เกิดขึ้นคือ จำนวนของมิชชันนารีที่ถูกส่งออกไปไม่สมดุลกับความต้องการ
การทนทุข์ของพระคริสต์
โคโลสี 1:24
เปาโลกล่าว่า:
บัดนี้ข้าพเจ้าปลื้มปิติในการที่ได้รับความทุกข์ยากเพื่อท่าน ส่วนการทนทุกข์
ของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ทนจนสำเร็จในเนื้อหนังของข้าพเจ้า
เพราะเห็นแก่พระกายของพระองค์คือคริสตจักร
ความรักของพระเจ้า ตามพระธรรม 1 ยอห์น
อัครทูตยอห์นได้เขียนใน 1ยอห์น 3:16 “”ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง” นี้คือแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีให้เราที่เราจะมีประสบการณ์ในความรักของพระองค์ผ่านความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ บังเกิดใหม่และเดินในการเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์ และเราจะบรรลุเป้าหมายในการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริงผ่านพันธกิจในชีวิตของเรา
ปริทัศน์
1ยอห์น 3:16
“ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรักโดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลายและเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง”
ค่าใช้จ่ายสำหรับการประกาศทั่วโลก
ใช้จ่ายสำหรับการประกาศกับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า 90%
(ซึ่งมีต่ำกว่า 10% ของประชากรทั้งหมด)
อีกไม่ถึง ใช้จ่ายกับคนที่พูดภาษาอื่นๆทั่วโลก
(ซึ่งมีภาษามากว่า 6,000 ภาษา)
เงินที่ถวายให้กับการประกาศอยู่ที่ไหนในปัจจุบันนี้ เงินมากกว่า90% ถูกใช้ในกลุ่มคนที่พูดภาษาอังกฤษซึ่งมีประชากรน้อยกว่า 10% ของประชากรทั้งโลก ประชากรมากกว่า 90% ซึ่งมีมากกว่า 6000 กลุ่มภาษาได้รับเงินน้อยกว่า 10% ที่ได้ถวายมา มันยุติธรรมแล้วเหรอต่อคนที่ไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐในภาษาของตัวเอง หรือแม้กระทั่งไม่เคยได้ยินแม้ชื่อของพระเยซู
ผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลา
ใครคือคนที่ได้ยินข่าวประเสริฐ
ในปัจจุบันนี้ คนมากกว่าครึ่งโลกที่ยังไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณขององค์พระเยซูคริสต์มี 20%ของประชากรโลกที่ได้ยินแล้วแต่ปฏิเสธไม่เชื่อ และมี 30% ที่ประกาศว่าตนเองเป็นคริสเตียน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่บังเกิดใหม่
ความเป็นไปของพันธกิจโลกในปัจจุบัน
กลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึง
เปาโลกล่าวว่าความปรารถนา(ใฝ่ฝัน มุ่งมั่น) คือประกาศข่าวประเสริฐในที่ซึ่งยังไม่มีใครออกพระนามพระคริสต์(โรม 15:20) เป็นเวลาหลายปีที่ท่านต้องการไปโรม แต่ก็ไม่ได้ไป เหตุผลส่วนหนึ่งคือที่โรมมีคริสตจักรอยู่แล้ว (โรม 1:13,15:22)
นิมิตของเปาโล"อันที่จริงข้าพเจ้าได้ตั้งเป้าไว้อย่างนี้ว่า จะประกาศข่าวประเสริฐ ในที่ซึ่งไม่เคยมีใครออกพระนามพระคริสต์มาก่อน" โรม15:20,15:18-28
เงินถวายทุกบาททุกสตางค์
ในประเทศอเมริกาทุกดอลล่าร์ที่ผ่านลงไปในถุงถวาย
3 เซนต์ไปยังกลุ่มคนที่มีคนทำงานอยู่แล้ว 96 เซนต์ใช้จ่ายไปกับกลุ่มคนที่อยู่ในวัฒนธรรมอเมริกา...
มีเพียงเซนต์เดียวที่ไปถึงพันธกิจกับกลุ่มชนที่ยังไม่มีใครเข้าถึง
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ข้อมูลอะไรที่จำเป็นสำหรับเราในการประกาศข่าวประเสริฐจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ (มัทธิว 24:1) ในปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีคริสตจักรทั้งหมดประมาณ 7,000,000 คริสตจักร และตามที่ U.S. Center for World Mission ในเมืองพาซาดีน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ให้ข้อมูลว่ามีชนกลุ่มทั้งหมดประมาณ 10,000 กลุ่ม ซึ่งหมายความโดยประมาณการว่า จำนวนคริสตจักร 700 คริสตจักรต่อ 1 กลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึง
เป็นไปได้อย่างไรถ้าคริสตจักร 700 คริสตจักรนั้นจะไม่สามารถหามิชชันนารีที่จะส่งออกไปถึงผู้คนที่ไม่มีความหวังในเรื่องชีวิตนิรันดร์ ถ้าเราตัดคริสตจักรที่มีแต่เพียงคริสเตียนในนามออกไป ซึ่งเป็นพวกคริสตจักรเสรีนิยม คริสตจักรที่ตายแล้วต่อการทำตามพระมหาบัญชาของพระเจ้า และคาดการณ์ว่ามี 10% ของ 7,000,000 คริสตจักรที่ปรารถนาและพร้อมที่จะตอบสนองต่อคำสั่งขององค์พระเยซูคริสต์ นั้นก็หมายความว่าจะมีจำนวน 70 คริสตจักรที่ “ยุ่งในธุรกิจของพระบิดา” ในการหาทางที่จะให้ข่าวประเสริฐไปถึงคนที่เขาต้องการจริงๆ จริงหรือไม่ว่าคริสตจักร 70 แห่งนั้นจะไม่สามารถหาอย่างน้อยที่สุดมิชชันนารี 1 คนที่จะออกไปยังกลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึงสักกลุ่มหนึ่ง
กลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังไปไม่ถึงในปัจจุบันนี้
ทั่วโลก | ประเทศไทย | |
คริสตจักร | 7,000,000 | 3,000 |
กลุ่มคน | 10,000 | 50 |
เฉลี่ย | 700 ต่อ 1 | 60 ต่อ 1 |
(ค่าเฉลี่ยโดยประมาณ)
กลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึงในทวีปเอเชีย
ในทวีปเอเชียมีชนกลุ่มที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึงทั่วทั้งประเทศอินเดีย เนปาล จนถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในอินโดนีเซียจนถึงปาปัวนิวกีนี บนแผ่นดินใหญ่ของทวีปเอเชียนั้นมีประชากรจำนวนมากในประเทศอินเดีย เนปาล พม่า ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน พม่า ภาคเหนือของประเทศไทย ลาวและเวียดนามมีกลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึงประมาณ 1000 กลุ่มและในกลุ่มเหล่านั้นมี ประมาณ 300 ภาษาที่ยังต้องการการแปลพระคัมภีร์ ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีอิสรเสรีภาพได้อยู่ตรงกลางของความต้องการเหล่านั้น และผลที่ตามมาคือเป็นโอกาสที่สำคัญที่จะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งคนออกไปให้ไปถึงกลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึงเหล่านั้น
แผนปฏิบัติการ
เพื่อกลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึง
* ปรารถนาที่จะเข้าถึงคนที่หลงหาย
* หาข้อเท็จจริง
* อธิษฐาน
* สร้างสัมพันธ์ และสื่อสาร
* วางแผนและร่วมมือ
เราสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
อะไรที่เราสามารถทำได้เพื่อให้พระมหาบัญชาสำเร็จท่ามกลางกลุ่มคนที่ต้องการข่าวประเสริฐ
- ปรารถนาอย่างสุดใจในการที่เข้าถึงคนที่หลงหายผ่านทางความรักขององค์พระเยซูคริสต์ในชีวิตของเราและตามการทรงนำของพระเจ้า ทำพันธผูกพันส่วนตัวของเราต่อการตอบสนององค์พระเยซูคริสต์ในการออกไปประกาศกับคนทุกชนชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกภาษา
- แสวงหาข้อเท็จจริง รายละเอียดต่างๆ เกี่ยงกับกลุ่มคนเหล่านั้นรวมถึงวัฒนธรรมและภาษาของพวกเขา
- อธิษฐานที่พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของทุ่งนาจะส่งคนงานของพระองค์มาทำงานในทุ่งนา (มัทธิว 9:37-38) ทั้งอธิษฐานอย่างเจาะจงที่กลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึง เขาจะได้ยินพระกิตติคุณและได้รู้จักกับองค์พระเยซูคริสต์ (มัทธิว 14:14)
- พยายามในทุกทางที่จะสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึงในการที่จะสื่อสารพระกิตติคุณกับพวกเขา
- พยายามในทุกทางที่จะหาคริสเตียนที่มีภาระใจในกลุ่มคนที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไม่ถึง โดยการอธิษฐานและแสวงหาการทำงานค่วมกันกับพวกเขาในแผนการของพระเจ้าที่เฉพาะเจาะจงตามการทรงนำของพระเจ้า ในทางที่จะให้ข่าวประเสริฐไปถึงคนที่เขาเหล่านั้นก่อนที่เขาจะไม่รู้จักพระเยซูคริสต์ชั่วนิรันดร์
-สุดท้ายนี้ ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ wycliffle_thailand@wycliffe.orgwycliffle_thailand@wycliffe.org และทางเรามีแผนที่โลก(ภาษาไทย-อังกฤษ) แจกฟรีสำหรับท่านที่ต้องการ
โปรติดต่อ....
พันธกิจพระคุณนานาชาติ
6 ธนุษย์พงศ์
ซอย 6 หนองป่าครั่ง
เชียงใหม่ 50000
โทร. 086-866-2243
Email: henrymatb@gmail.com
Contact..
GRACE INTERNATIONAL MISSION
Director
Henry Matthew Breidenthal
6 Soi 6 Thanutphong
Chiang Mai 50000 Thailand
Tel : 086-866-2243
E-mail : henrymatb@gmail.com , http://thaipeoples.blogspot.com
Chiang Mai 50000 Thailand
Tel : 086-866-2243
E-mail : henrymatb@gmail.com , http://thaipeoples.blogspot.com