Wednesday, June 15, 2011

ที่มาและจุดจบของมนุษย์

มนุษย์มาจากไหนและเรื่องราวของมนุษย์จะจบลงอย่างไร ทั้ง 2 คำถามนี้อยู่ในใจของมนุษย์ทุกคนทั้งในอดีต ปัจจุบันและคงจะอนาคตด้วย ซึ่งไม่มีคำตอบใดจุใจ หรือให้ความเชื่อมั่นได้เท่ากับหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นเล่มแรกและเล่มเดียวในโลกที่เขียนเรื่องความเป็นมาของมนุษย์ตั้งแต่แรก เริ่มจนกระทั่งจบอย่างสมบูรณ์ และเรื่องที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องเป็นจริง


หนังสือเล่มนี้เป็นสัญญาผูกพันระหว่าง 2 ฝ่ายคือผู้ซึ่งเราเรียกว่ามนุษย์ เพื่อยืนยันให้มนุษย์เชื่อและไว้ใจในความรัก และการช่วยกู้ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์
หนังสือสัญญาเล่มนี้หรือที่เราเรียกว่าไบเบิ้ลหรือพระคริสตธรรมคัมภีร์บันทึกไว้ว่า






เมื่อเริ่มต้น พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่ง ทั้งฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลกกับสารพัดทั้งหมดที่อยู่บนโลก ต้นไม้ สัตว์น้ำ สัตว์บก สัตว์ทะเล ฯลฯ และมนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างมาเพื่อให้ครอบครองจัดการทุกอย่างในโลก พระองค์สร้างมนุษย์ตามแบบอย่างของพระองค์เอง มีความสามารถมากมายซึ่งนักค้นคว้าบอกว่ามนุษย์ปัจจุบันใช้ความสามารถแค่ 1 ใน 10 ของที่มีอยู่เท่านั้น คอมพิวเตอร์ที่เราชื่นชมในความสามารถยังทำงานได้แค่ 1 ใน 100 ของสมองมนุษย์ คุณสมบัติอย่างอื่นๆ ที่มนุษย์เหมือนพระเจ้า คือมีวิญญาณรู้จักตัดสินใจ มีเสรีภาพทางความคิด มีอารมณ์ มีการิเริ่มสร้างสรรค์ มีความรัก และสำคัญที่สุดคือมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างอบอุ่น

เมื่อเริ่มแรกมนุษย์มีแต่ความดีงาม ความสุข ความบริบูรณ์ไม่ขาดตกบกพร่องเลยเพราะพระเจ้าสร้างมาให้เหมือนพระองค์ ทุกอย่างล้วนดีทั้งสิ้น



ต่อมา สิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นตัวอีกชนิดหนึ่งคือมารซึ่งเป็นวิญญาณชั่วตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้าและกับ
มนุษย์ที่พระเจ้ารัก ได้ล่อหลอกให้มนุษย์หลงทำผิดบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า และไม่ยอมรับผิดไม่ยอมกลับใจ แต่หลบหนี และแก้ตัวโยนความผิดให้คนอื่น จึงต้องรับโทษตามความผิดของตน

 

มนุษย์ขาดความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ให้แต่สิ่งดีหันมาเป็นทาสของมาร อยู่ใต้อำนาจวิญญาณชั่วร้ายนี้เพราะยอมเชื่อฟังมัน เมื่อเราเชื่อฟังผู้ใดเราก็เป็นทาสของผู้นั้น มารซึ่งมีธรรมชาติทำแต่สิ่งเลวร้าย มันมาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย มันจึงทำทุกวิถีทางที่จะให้มนุษย์ทุกข์ยาก ลำบากขาดความสุข

พระเจ้าผู้สร้างได้ทำสัญญากับมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์นั้นว่าจะให้ ผู้ช่วยมากู้มนุษย์พ้นจากอำนาจของมาร โดยพงศ์พันธุ์ของหญิง เพราะพระเจ้าทราบดีว่ามนุษย์ไม่อาจช่วยตัวเองให้หลุดจากเงื้อมมือมารได้

เมื่อมนุษย์คู่แรกคืออาดัม และเอวาทำบาปลูกหลานที่ออกมาภายหลังจึงเป็นพงศ์พันธุ์บาปมีธรรมชาติบาปติด ตัว คือ สามารถทำบาปได้ง่ายกว่าทำดี และมารศัตรูตัวสำคัญก็คอยส่งเสริมสนับสนุนให้มนุษย์ทำความชั่วร้ายมากขึ้นๆ ทุกวัน มนุษย์ซึ่งเคยมีแต่ความดีงามจึงกลายเป็นมนุษย์ที่รู้จัก เกลียด โกรธ อิจฉา ตะกละ ทารุณ โหดร้าย ขาดความยับยั้งชั่งใจ ลูกของอาดัมและเอวาชื่อคาอินนั้นฆ่าแม้กระทั่งน้องชายของตนที่ชื่ออาแบ ลเพราะความริษยา

คนในชั่วอายุต่อๆ มาก็ทำบาปเลวร้ายต่อกันจนพระเจ้าต้องพิพากษาลงโทษ โดยกำหนดให้มีน้ำท่วมโลกกวาดล้างทุกชีวิตหมดสิ้นไปเหลือไว้ครอบครัวเดียวที่ เป็นคนดียำเกรงเชื่อฟังพระเจ้า คือโนอาห์พระเจ้าบอกโนอาห์ล่วงหน้าไว้ 120 ปี เพื่อให้เตรียมตัวต่อเรือใหญ่และประกาศให้มนุษย์กลับใจเลิกทำบาปหันมาหาพระ เจ้าแล้วจะรอดจากภัยน้ำท่วมนั้น

แต่ไม่มีใครเชื่อโนอาห์เลย 120 ปีต่อมาหลังจากพระเจ้าเตือนให้ทราบล่วงหน้าก็เกิดน้ำท่วมโลก ทุกอย่างตายหมด มีโนอาห์และครอบครัวกับสัตว์ที่โนอาห์ขนขึ้นไว้บนเรือเท่านั้นที่รอดชีวิต

มนุษย์ที่รอดจากภัยน้ำท่วมได้ออกลูกหลานเพิ่มปริมาณขึ้นอีกและพวกเขายังคงทำ บาปต่อไป พระเจ้าสั่งให้พวกเขากระจายกันออกไปทั่วโลก แต่พวกเขากลับรวมตัวกันสร้างหอคอยสูง โดยจะให้ถึงสวรรค์เพราะความเย่อหยิ่ง อยากแสดงอำนาจเทียมพระเจ้า พระเจ้าจึงทำให้เขาพูดภาษาต่างๆ กันจนพูดไม่รู้เรื่อง ต้องแยกย้ายกันไปโดยปริยาย โลกนี้มีภาษามากมายหลายพันภาษา ซึ่งส่วนมากไม่มีหลักฐานที่มา และไม่ได้พัฒนาจากง่ายไปหายาก ตรงกันข้ามบางภาษาในปัจจุบันยังง่ายกว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนเสียอีก






ท่ามกลางมนุษย์ที่หลงเพลิดเพลินกับบาปความเลวทราม ในปีที่ 2000 ก่อนคริสตศักราช พระเจ้าทรงเรียกชายคนหนึ่งชื่ออับรามออกมาจากคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า และสัญญาว่าจะให้เขาเป็นชนชาติใหญ่ มีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเขาจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร พระเจ้าจะอวยพรแก่คนที่อวยพรเขา สาปแช่งคนที่สาปแช่งเขา เผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเขา อับรามเชื่อฟังยอมเดินทางไปยังดินแดนที่พระเจ้ามอบให้ พระเจ้าสัญญาอีกว่า พงศ์พันธุ์ของอับรามจะมากมายเหมือนดาวบนฟ้า แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นอับราฮัม แปลว่า บิดาของประชาชาติมากมาย และแม้อับราฮัมจะอายุร้อยปี และภรรยาก็เป็นหมัน พระเจ้ายังบอกว่าจะให้นางคลอดบุตรผู้จะรับพระตามพันธสัญญานี้ ซึ่งเป็นจริงตามที่พระเจ้าสัญญา ครั้นบุตรของอับราฮัม ชื่อ อิสอัคโตขึ้น พระเจ้าลองใจโดยให้นำบุตรไปฆ่าถวายบูชาแด่พระเจ้าอับราฮัมทำตาม แต่ก่อนจะฆ่าพระเจ้าห้ามไว้ และอวยพรแก่เขาเพิ่มเติมโดยสัญญาว่า เชื้อสายของเขาจะได้ประตูเมืองศัตรูเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั่วโลกจะได้พรเพราะเชื้อสารของเขา

สัญญาของพระเจ้าเป็นจริงทุกประการ จากอิสอัคบุตรชายคนเดียวของอับราฮัมกลายมาเป็นชนชาติใหญ่คือ ชนชาติยิวหรืออิสราเอลและตลอดประวัติศาสตร์ของชาตินี้ พระเจ้าดูแลคุ้มครองและทำตามสัญญาของพระองค์เสมอ เพื่อโลกจะรู้ว่ามีพระเจ้าเที่ยงแท้ สัจจริงแต่ผู้เดียวผ่านทางชนชาตินี้

จากอิสอัคสืบเชื้อสายมาถึงโมเสสคนสำคัญในประวัติศาสตร์ยิวอยู่ในปี 1500 ก่อนคริสตศักราช พวกยิวขยายตัวขึ้นเป็นชาติๆ หนึ่ง และขณะนั้นอาศัยอยู่ในประเทศอียิปต์ในสภาพของทาส ชาวยิวผู้ทุกข์ยากกลับคิดถึงพระเจ้าผู้ช่วยกู้ชนชาติของพวกเขามาตลอด จึงร้องวิงวอนต่อพระองค์ พระเจ้าเรียกโมเสสมาช่วยนำชาวยิวพ้นจากทาส เข้าสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ และพระเจ้าให้บัญญัติ คือ คำสั่ง 10 ข้อ สำหรับชาวยิวไว้ปฏิบัติ ซึ่งแท้จริงเป็นพื้นฐานหลักการดำเนินชีวิตของทุกคนมิใช่เฉพาะพวกยิวเท่านั้น บัญญัติประการแรกที่สำคัญที่สุดคือ “เราเป็นพระเจ้าของเจ้า อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา” ที่พระเจ้ากำหนดเช่นนี้เพื่อประโยชน์ของมนุษย์เพราะนอกจากพระเจ้าองค์นี้ แล้วไม่มีพระอื่นใดช่วยมนุษย์ให้รดปลอดภัยมีชัยชนะเหนือมารได้เลย แต่มนุษย์ไม่เคยทำตามบัญญัติได้สำเร็จและไม่มีทางช่วยตนให้รอดพ้นจากความผิด บาปได้เอง
 

1500 ปีผ่านไป สัญญาของพระเจ้าที่บอกไว้เมื่อครั้งอาดัม และเอวาทำบาปว่าจะส่งผู้ช่วยมาโดยเกิดจางพงศ์พันธุ์ของหญิง และสัญญาที่ให้ไว้แก่อับราฮํมว่าประชาชาติจะได้รับพรเพราะเชื้อสายของเขาก็ สำเร็จเป็นจริง คืพระเจ้าส่งพระบุตรของพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์ โดยพระวิญญาณของพระเจ้าส่งกระแสพลังงานเข้าไปในครรภ์ของหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง ชื่อมารีย์ คลอดบุตรมาเป็นชายชื่อ เ
ยซูแปลว่าผู้ช่วยให้รอด




พระเยซูคริสต์ เป็นพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ และถูกลองใจเหมือนพวกเราทุกประการ แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ทำบาปเลยนั้นแหละจึงช่วยคนบาปให้รอดได้ มนุษย์ทั้งโลกช่วยกันไม่ได้ เพราะต่างก็ทำบาปล้วนสมควรตายด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนพระเยซูแม้ต้องมาเป็นมนุษย์มีสภาพถูกจำกัดทุกอย่างเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่พระองค์ยังคงเชื่อฟังพระเจ้า และทำทุกอย่างด้วยความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า ไม่ละเมิดกฎใดๆ มารร้ายซึ่งมีธรรมชาติปกติคือต้องทำบาปจึงดลใจให้คนเอาพระเยซูไปฆ่าโดย พระองค์ยินยอมไม่ปริปากเลย







เมื่อพระเยซูสิ้นชีวิตบนไม้กางเขน นั้นแหละคือแผนการกู้โลกได้สำเร็จลง มารรายซึ่งทำชั่วทำบาปจนเหลิง ถึงขั้นฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างพระเยซู จึงต้องถูกปรับโทษ คำสัญญาที่พระเจ้าบอกอับราฮัมว่า เชื้อสายของเขาจะได้ประตูเมืองศัตรูเป็นกรรมสิทธิ์ก็สำเร็จสมบูรณ์ในพระเยซู ศัตรูของมนุษย์คือมารที่คอย ลัก ฆ่า ทำลาย คอยฉุดคนไปลงนรกร่วมกับมัน บัดนี้หมดอำนาจ เพราะพระเยซูได้เป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม พระองค์ยึดประตูนรกไว้เป็นกรรมสิทธิ์ ความตายไม่มีชัยเหนือมนุษย์ที่เชื่อศรัทธาในพระองค์อีกต่อไป พระเยซูชนะเด็ดขาด และช่วยมนุษย์ให้พ้นอำนาจเลวร้ายของมารได้ ยิ่งกว่านั้นยังถ่ายทอดพลังอำนาจแก่ผู้เชื่อศรัทธาให้ปราบและกำจัดมารออกจาก ชีวิตของตนและผู้อื่นได้อีกด้วย คนที่เชื่อพระเยซูคริสต์จึงเป็นคนที่ตายจากตนเองแล้ว และบังเกิดใหม่ทางวิญญาณเกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป(ไม่มีเจตนาทำบาปอีกต่อไป) แต่พระบุตรของพระเจ้าได้คุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขาเลย ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต ทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่นคือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้านั่นเอง





นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นความจริงสำหรับผู้เชื่อ ยังมีความจริงอีกประการหนึ่งซึ่งยังไม่เกิดขึ้นแต่ต้องสำเร็จแน่นอน คือพระเยซูคริสต์จะกลับ
มาปรากฏในโลกอีกครั้งรับผู้เชื่อทุกคนขึ้นไป และคนที่ไม่เชื่อต้องรับทุกข์ภัยซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้อยากตายก็ยังตายไม่ได้ในวาระสุดท้ายพระเจ้าทรงกำหนดวันพิพากษาเอาไว้ ผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าจะร่วมกับพระองค์พิพากษาโลก พิพากษาเทพทั้งหลาย เจ้าทั้งปวง มนุษย์ทุกคนจะถูกพิพากษาตามการกระทำของตน และถูกโยนทิ้งในบึงไฟนรกซึ่งมีไฟเผาอยู่ตลอดกาลร่วมกับมารและสมุนพรรคพวกของ มัน






บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะเหยียบเจ้าตัวที่มันเคยเหยียบย่ำเรามาตลอด เราจะไม่ยอมหลุดจากทาสมาเป็นอิสระหรือ
พระเยซูคริสต์กล่าวว่า เราเป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดา(พระเจ้า) ได้นอกจากมาทางเรา.. ในผู้อื่นความรอด(การพ้นจากนรก พ้นอำนาจมาร และการชนะมาร)ไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ ทั่วใต้ฟ้า